อะตอม


                                                                                    หน้าแรก
แบบจำลองอะตอมของดอลตัน
ในสมัยนั้น เชื่อว่าสสารแต่ละชนิดประกอบด้วยอนุภาคที่มีขนาดเล็กมาก เรียกว่ากันว่า  อะตอม ซึ่ง  แบ่งแยกไม่ได้หรือทำให้เกิดใหม่หรือสูญหายไปไม่ได้อะตอมของธาตุเดียวกันจะมีสมบัติเหมือนกันอะตอมของธาตุต่างชนิดกันมีสมบัติต่างกันการเกิดสารประกอบเกิดจากอะตอมธาตุต่างชนิดกันมารวมตัวกันด้วยอัตราส่วน อะตอมคงที่และเป็นเลข  จำนวนน้อย ดอลตันยังพบอีกว่า การเกิดปฏิกิริยาเคมีเกิดจากการที่อะตอมธาตุต่างๆมีการแลกเปลี่ยนที่อยู่ซึ่งกันและกันไม่มีการสูญหาย ไปไหนเลย  เราจึงสรุปได้ว่า แบบจำลองอะตอมของดาลตัน คือ
"อะตอมที่มีขนาดเล็กมาก แบ่งแยกไม่ได้" ดังรูป  


 แบบจำลองอะตอมของทอมสัน
            ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกับ รังสีแคโทด  (cathode ray)  ที่ทดลองได้จากการใช้หลอดแก้วที่สูบอากาศออก และมีขั้วโลหะ2อันอยู่คนละข้างคือแอโนดเป็นขั้วไฟฟ้าบวกและแคโทดเป็นขั้วไฟฟ้าลบของหลอดแก้วและต่อไปยังไฟฟ้าที่มีศักย์สูงทำให้เกิดรังสีและค้นพบอิเล็กตรอนทอมสันเป็นคนแรกพิสูจน์ว่าอิเล็กตรอนเล็กกว่าอะตอมจากการทดลองของทอมสันพบว่าอนุภาคในรังสีแคโทดมีประจุไฟฟ้าชนิดลบเพราะสังเกต จากแนวการเบนของอิเล็กตรอนในสนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็ก  
ทอมสันสรุปได้ว่ารังสีแคโทดที่ได้จากโลหะต่างชนิดกันเป็นอนุภาคชนิดเดียวกันเพราะq/mของโลหะทุกชนิดมีค่าเท่ากันนั่นเองอนุภาคนั้นก็คืออิเล็กตรอนทอมสันสามารถแยกอิเล็กตรอนออกจากอะตอมเขาจึงสรุปว่าอะตอมยังแบ่งแยกต่อไปได้อีกขึ้นภายในหลอดแก้ว ซึ่งมองเห็นได้จากจุดสว่าง เมื่อรังสีกระทบฉากเรื่องแสง ที่ใส่ไว้
เซอร์โจเซฟ จอห์น ทอมสัน ให้แนวคิดอะตอมขึ้นใหม่ ดังนี้



"อะตอมมีลักษณะเป็นรูปทรงกลมประกอบด้วยอนุภาคที่มีประจุบวกและมีอิเล็กตรอนซึ่งมีประจุไฟฟ้าลบอะตอมโดยปกติอยู่ในสภาพเป็นกลางทางไฟฟ้าซึ่งทำให้ทั้งสองประจุนี้มีจำนวนเท่ากันและกระจายอยู่ทั่วไปอย่างสม่ำเสมอภายในอะตอมโดยมีการจัดเรียงที่ทำให้อะตอมมีสภาพเสถียรมากที่สุดต่อมาภายหลังแบบจำลองนี้ถูกคัดค้านโดยการทดลองของรัทเทอร์ฟอร์ด ที่ว่า เนื้ออะตอมจะไม่สม่ำเสมอ  แต่จะไปอัดกันแน่นตรงบริเวณเล็กๆ ส่วนหนึ่งในอะตอมเท่านั้น (ซึ่งต่อมาเรียกว่า นิวเคลียส)
แบบจำลองอะตอมของรัทเทอร์ฟอร์ด
รัทเทอร์ฟอร์ด(E.Rutherford)ได้ทำการทดลองยิงอนุภาคแอลฟาเข้าไปในแผ่นทองคำเปลวบางๆอนุภาคแอลฟาเป็นอนุภาคที่มีมวลเป็นสี่เท่าของอะตอมไฮโดรเจนและมีประจุ+2eโดยมากเกิดจากการสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสีเช่นเรเดียมอนุภาคแอลฟาที่ใช้มีพลังงานสูงถึง7.6ล้านอิเล็กตรอนโวลต์พบว่าเมื่ออนุภาคแอลฟาวิ่งผ่านทองคำเปลวโดยมากจะทะลุไปตรงๆหรือหักเหน้อยมาก แต่ก็มีบางตัวที่หักเหจากแนวเดิมเป็นมุมใหญ่ๆ ดังรูป
ผลการทดลองของรัทเทอร์ฟอร์ดสรุปได้ว่า
         1. อนุภาคแอลฟาส่วนใหญ่  : ผ่านเป็นเส้นตรง  แสดงว่าในอะตอมมีที่ว่าง
         2. อนุภาคแอลฟาส่วนน้อย : หักเห  (เลี้ยวเบน)  แสดงว่าชนกับโปรตอนที่มีมวลมากอยู่ด้านข้างของอะตอม
         3. อนุภาคแอลฟาบางส่วน : สะท้อนกลับมาด้านหน้าแสดงว่าชนกับโปรตอนในส่วนกลางของอะตอมที่มีมวลจำนวนมาก  เรียกว่า  “นิวเคลียส
Ä  นิวเคลียสมีขนาดเล็กมีมวลมากควรจะประกอบด้วยโปรตอนมากกว่าอิเล็กตรอนเพราะอิเล็กตรอนมีมวลน้อยมาก จะไม่มีผลต่อการสะท้อนกลับของอนุภาคแอลฟา
                ต่อมา เจมส์ แชดวิก  ได้ทำการทดลองยิงอะตอมของเบริลเลียมด้วยอนุภาคแอลฟา พบว่าจะมีอนุภาคชนิดใหม่ที่ไม่มีประจุหลุดออกมา และมวลของอนุภาคตัวใหม่นี้มีค่าใกล้เคียงกับมวลของโปรตอน  จึงเรียกอนุภาคชิดใหม่ว่า  “ นิวตรอน ”  ดังรูป
รัทเทอร์ฟอร์ดจึงสรุปแบบจำลองอะตอมไว้ว่าอะตอมมีลักษณะทรงกลมประกอบด้วยโปรตอนและนิวตรอนรวมตัวกันเป็นนิวเคลียสอยู่ตรงกลาง และมีอิเล็กตรอนซึ่งมีจำนวนเท่ากับโปรตอนที่อยู่ในนิวเคลียสวิ่งอยู่รอบ ๆ นิวเคลียส ” แต่ แบบจำลองอะตอมของรัทเทอร์ฟอร์ด แบบจำลองอะตอมนี้ไม่ได้สามารถอธิบายว่าอิเล็กตรอนรอบนิวเคลียสเคลื่อนที่อยู่ในลักษณะใด
ตอนนี้เราก็พบอนุภาค ภายในอะตอมแล้ว 3 ชนิด
อะตอมประกอบด้วยอนุภาคที่สำคัญ3ชนิด คือ โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน และเรียกอนุภาคทั้ง 3 นี้ว่า“ อนุภาคมูลฐานของอะตอม ”
 แบบจำลองอะตอมของนิลส์ โบร์
          นีลส์  โบร์ จึงได้เสนอแบบจำลองอะตอม โดยอาศัยทฤษฎีของพลังค์และอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานกับความถี่ของคลื่น ( ควอนตัม ) รวมทั้งความรู้เรื่องของเส้นสเปกตรัม
เรื่องเส้นสเปกตรัม
1. เมื่ออิเล็กตรอนได้รับพลังงาน จึงขึ้นไปอยู่ในระดับพลังงานที่สูงขึ้น ทำให้อะตอมไม่เสถียร อิเล็กตรอนจึงคาย พลังงานเท่ากับพลังงานที่ได้รับเข้าไปพลัง  งานส่วนใหญ่ที่คายออกอยู่ในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ปรากฏเป็นเส้น สเปกตรัม
2. การเปลี่ยนระดับพลังงานของอิเล็กตรอน อาจมีการเปลี่ยนข้ามขั้นได้
3. อิเล็กตรอนในระดับพลังงานต่ำจะอยู่ใกล้นิวเคลียส
4. ระดับพลังงาต่ำอยู่ห่างกันมากกว่าระดับพลังงานสูง ระดับพลังงานยิ่งสูงขึ้นจะยิ่งอยู่ชิดกันมากขึ้น
สรุปแบบจำลองอะตอมของ นีลส์  โบร์
   1. อิเล็กตรอนจะเคลื่อนที่รอบนิวเคลียสเป็นชั้นๆตามระดับพลังงาน และแต่ละชั้นจะมีพลังงานเป็นค่าเฉพาะตัว                                 2. อิเล็กตรอนที่อยู่ใกล้นิวเคลียสมากที่สุดจะเรียกว่าระดับพลังงานต่ำสุดยิ่งอยู่ห่างจากนิวเคลียสมากขึ้นระดับพลังงานจะยิ่งสูงขึ้น      3. อิเล็กตรอนที่อยู่ใกล้นิวเคลียสมากที่สุดจะเรียกระดับพลังงาน n =  1ระดับพลังงานถัดไปเรียกระดับพลังงาน  n =2 , n = 3,…….ตามลำดับ  หรือเรียกเป็นชั้น   K , L , M  ,N  ,O ,  P , Q ....





แบบจำลองอะตอมแบบกลุ่มหมอก
จากแบบจำลองอะตอมของโบร์ ไม่สามารถอธิบายสมบัติบางอย่างของธาตุที่มีหลายอิเล็กตรอนได้จึงมีการศึกษาเพิ่มเติมและเชื่อว่า อิเล็กตรอนมีสมบัติเป็นได้ทั้ง คลื่นและอนุภาคการศึกษาเพิ่มเติมและเชื่อว่า อิเล็กตรอนมีสมบัติเป็นได้ทั้ง คลื่นและอนุภาคสรุปแบบจำลองอะตอมแบบกลุ่มหมอกแบบจำลองนี้เชื่อว่า
     1. อิเล็กตรอนไม่ได้เคลื่อนที่เป็นวงกลม แต่เคลื่อนที่ไปรอบๆนิวเคลียส เป็นรูปทรงต่างๆตามระดับพลังงาน
     2. ไม่สามารถบอกตำแหน่งที่แน่นอนของอิเล็กตรอนได้เนื่องจากอิเล็กตรอนมีขนาดเล็กมาก และเคลื่อนที่รวดเร็วตลอดเวลาไปทั่วทั้งอะตอม
     3. อะตอมประกอบด้วยกลุ่มหมอกของอิเล็กตรอนรอบนิวเคลียส บริเวณที่มีหมอกทึบแสดงว่ามีโอกาสพบอิเล็กตรอนได้มากกว่าบริเวณที่มีหมอกจาง ดังรูปที่แสดงไว้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สารละลาย